Arthur Hayes ได้ฉายภาพหนึ่งในปัญหาใหญ่ที่สุดที่เศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญ นั่นคือ "ศึกเงียบระหว่างคนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่" ที่กำลังจะปะทุขึ้นจากการโอนถ่ายความมั่งคั่งขนาดมหาศาลจากรุ่น Baby Boomer ไปยัง Millennials และ Gen Z
ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า คนรุ่น Boomer ซึ่งเป็นกลุ่มที่ถือครองทรัพย์สินมากที่สุดในประวัติศาสตร์ กำลังเข้าสู่วัยเกษียณ และเริ่มขายสินทรัพย์อย่างหุ้น บ้าน และอสังหาริมทรัพย์ เพื่อเปลี่ยนเป็นเงินสดใช้ในบั้นปลายชีวิต
แต่ปัญหาคือ... ใครจะซื้อของเหล่านั้น?
คนรุ่นใหม่ไม่ได้มองบ้านหลังใหญ่ในชานเมืองหรือหุ้นบริษัทน้ำมันเป็นเป้าหมายชีวิตอีกต่อไป พวกเขาให้คุณค่ากับ "ประสบการณ์" มากกว่าสิ่งของ อีกทั้งยังสนใจ "สินทรัพย์ดิจิทัล" มากกว่าทรัพย์สินแบบดั้งเดิม และเชื่อในอิสระมากกว่าความมั่นคง
สิ่งนี้นำไปสู่คำถามสำคัญที่อาจเปลี่ยนทิศทางเศรษฐกิจโลก:
หากไม่มีใครอยากซื้อ สินทรัพย์จะราคาตกหรือไม่? ถ้าเกิดขึ้นจริง นั่นหมายถึงคนรุ่น Boomer จะต้องเกษียณด้วยสินทรัพย์ที่มีมูลค่าลดลง และอาจต้องพึ่งพารัฐบาลมากขึ้น
แล้วภาระจะตกกับใคร? หากรัฐบาลต้องอุ้มค่าใช้จ่ายผู้เกษียณ สิ่งที่ตามมาคือ "ภาษีที่เพิ่มขึ้น" ซึ่งจะตกอยู่กับคนรุ่นใหม่ที่แทบยังไม่มีอะไรในมือ
หรือสุดท้าย ทางออกเดียวจะคือการ “พิมพ์เงิน”? Hayes คาดว่ารัฐบาลจะหันไปใช้วิธีนี้ ซึ่งอาจช่วยได้ในระยะสั้น แต่จะกลายเป็นเชื้อเพลิงเงินเฟ้อในระยะยาว
และนั่นคือจุดที่ "ความไม่พอใจระหว่างรุ่น" อาจปะทุขึ้นอย่างรุนแรง
คนรุ่นใหม่จะถามว่า "ทำไมเราต้องจ่ายเพื่อความล้มเหลวของระบบที่เราไม่ได้สร้าง?" ขณะที่คนรุ่นเก่าอาจตอบว่า "เราเสียภาษีมาทั้งชีวิตเพื่อระบบนี้ แล้วใครจะดูแลเรา?"
นี่ไม่ใช่แค่ความต่างทางวัย แต่คือ ความขัดแย้งทางโครงสร้างเศรษฐกิจและคุณค่าของชีวิต ที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้น
Hayes มองว่า ผลลัพธ์ของความขัดแย้งนี้ อาจมีตั้งแต่การปรับขึ้นภาษีรุนแรง การเปลี่ยนแปลงระบบบำนาญ ไปจนถึง ความไม่มั่นคงทางการเงินระดับชาติ ที่อาจเปลี่ยนวิธีที่โลกจัดการกับเงิน สินทรัพย์ และอนาคตของคนแต่ละรุ่นไปอย่างสิ้นเชิง
และในโลกแบบนี้ Hayes ถึงเชื่อว่า Bitcoin จะเป็นผู้ชนะ
เพราะมันไม่สามารถพิมพ์เพิ่มได้ ซึ่งตรงข้ามกับเงินเฟ้อที่กำลังมาท่วมโลก